DMCR NEWS

สน.แผ่นดินไหวพร้อมเตือนฉับไวใน 10 นาที

  • 29 พ.ค. 2557
  • 885

สำนักแผ่นดินไหว...พร้อม!! เตือนฉับไวใน 10 นาที
เดลินิวส์ 29-06-53


แผ่นดินไหวขนาดใหญ่รุนแรงถึง 8.0 ริคเตอร์ บริเวณเกาะสุมาตรา เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 เวลา 07.58 น. (หรือเวลาสากล 00:58:50 ยูทีซี) ทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิซัดถล่มชายฝั่งหลายประเทศ รวมถึง 6 จังหวัดริมฝั่งทะเลอันดามันของไทย ทำให้เกิดการตื่นตัวกับการระวังรับมือเพื่อลดความสูญ เสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินลงให้ได้

ปัญหาสำคัญก็คือ ไม่มีเทคโนโลยีหรือวิธีการใดทางวิทยาศาสตร์จะคำนวณคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่าจะเกิดที่ไหน เมื่อไรจึงต้องทุ่มเทลงทุนจัดหาระบบเพื่อรับทราบและแจ้งข้อมูลเตือนภัยให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้

ความสูญเสียที่หนักหน่วงเมื่อห้าปีก่อนนั้น ส่วนหนึ่งโทษกันว่าเพราะประชาชนไม่รู้ข้อมูลเหตุร้าย ทันท่วงที จึงมิได้หลบหาที่ปลอดภัย ซึ่งก็เป็นเพราะระบบการตรวจจับแผ่นดินไหวขาดความทันสมัย แต่วันนี้ มีสำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว จัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ ในรั้วเดียวกับกรมอุตุนิยมวิทยา บางนา มีห้องศูนย์ปฏิบัติการแผ่นดินไหวที่เต็มไปด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์รับข้อมูลจากสถานีตรวจแผ่นดินไหวอัตโนมัติ สถานีวัดระดับน้ำทะเลเพียบ

มีเจ้าหน้าที่ส่วนเฝ้าระวังและติดตามแผ่นดินไหวและสึนามิ 13 คน ส่วนประมูลผลข้อมูลและสถิติแผ่นดินไหว 4 คน ส่วนวิจัยและพัฒนาแผ่นดินไหวและสึนามิ อีก 5 คน

สุมาลี ประจวบ ผอ.สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว และ บุรินทร์ เวชบันเทิง ผอ.ส่วนเฝ้าระวังและติดตามแผ่นดินไหวและสึนามิ หัวหน้าทีมแรกที่ต้องรับข้อมูลและกระจายข่าวแผ่นดินไหว เปิดห้องปฏิบัติการเล่าภารกิจให้ฟัง ในจังหวะที่กระแสข่าวปล่อยแผ่นดินไหว คลื่นยักษ์ถล่มเพราะอิทธิพลดาวเคราะห์เรียงตัวกำลังกระพือว่า หน่วยงานนี้จัดตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 52

ผอ.สุมาลีบอกว่า งบประมาณสำหรับหน่วยงานและระบบเฝ้าระวัง 500 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายบำรุงรักษาตกปีละ 10% ส่วนใหญ่ เป็นค่าเครื่องมือสำคัญ ประกอบด้วย สถานีตรวจแผ่นดินไหว ระบบ I 15 แห่ง, สถานีตรวจแผ่นดินไหว ระบบ II 25 แห่ง, สถานีวัดอัตราเร่งของพื้นดิน 21 แห่ง, สถานีวัดระดับน้ำทะเล 9 แห่ง, สถานีวัดการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลก 5 แห่ง ซึ่งบอกตำแหน่งด้วยจีพีเอสมีความละเอียด หน่วยวัดเป็นเซนติเมตร

การทำงานเครื่องมือเหล่านี้ บุรินทร์ แม่ทัพของส่วนเฝ้าระวังและติดตามแผ่นดินไหวและสึนามิ บอกว่า ทันทีที่สถานีตรวจวัดแผ่นดินไหวรับแรงสั่นสะเทือนจาก พื้นโลกก็จะส่งข้อมูลโดยอัตโนมัติเข้ามายังห้องปฏิบัติการแจ้งเตือนทั้งภาพบนจอคอมพิวเตอร์และส่งเสียงจาก ลำโพงดังลั่นกระตุ้นเจ้าหน้าที่ซึ่งง่วนกับภารกิจอื่ นให้รีบมาดูว่าในนาทีนั้น เกิดแผ่นดินไหวระดับความแรงต่ำกว่าหรือสูงกว่า 5 ริคเตอร์

หัวหน้าทีมที่คอยเฝ้าดูการเคลื่อนไหวที่อาจเป็นอันตรายของเปลือก ซึ่งไม่รู้จะเกิดเมื่อไหร่ พาเราเดินดูการทำงาน พร้อมกับอธิบายว่า ระบบจะตรวจสอบรายละเอียด หากไหวเกิน 5.0 ริคเตอร์ นอกจากเผยแพร่บนเว็บ ก็จะกระจายข้อมูลไปยังองค์กรต่างๆและผู้เกี่ยวข้อง เช่นสำนักพระราชวัง ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ และสื่อมวลชน ราว 100 ราย ทางโทรสาร และส่งข้อความสั้นหรือ เอสเอ็มเอส ถึงบุคคลและสื่อมวลชน อีก 300 ราย ภายใน 10 นาทีแรก เพื่อให้ผู้รับนำไปกระจายต่อทั้งทางวิทยุ โทรทัศน์ หากเป็นแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ ความรุนแรง 7 ริคเตอร์ขึ้นไป ก็จะรายงานถึงอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เพื่อรายงานถึงรัฐมนตรีทันที พร้อมกับออกคำเตือนภัย

ข้อมูลนี้ จะส่งต่อให้ศูนย์เตือนภัยพิบัติไปแจ้งถึงชาวบ้านในพื้นที่โดยไม่ชักช้า

ระบบการสื่อสารที่ว่า เป็นการแจ้งแบบถึงตัวผู้เกี่ยวข้องโดยตรง และเผยแพร่ในวงกว้างทางอินเทอร์เน็ต โดยออกพร้อมกันอัตโนมัติ ทั้งเฟซบุ๊กที่ www.facebook. com/earthquake.report หรือทวิตเตอร์ ให้ติดตามกัน ที่ http://twitter.com/ seismo_twitt และหากเว็บไซต์ใดต้องการเอาเชื่อมโยงเว็บกับสำนักงาน ให้ได้หน้าจอเหมือนกัน ก็ก๊อบปี้โค้ดไปแปะไว้ หรือจะดึงข้อมูลอัตโนมัติ แบบอาร์เอสเอส ให้ข่าวหรือข้อมูลใหม่ๆส่งเข้าเครื่องตลอดเวลาที่อัปเดต ไม่ต้องเสียเวลาเปิดเว็บเข้ามาค้นหา

เครื่องมือมีความพร้อมขนาดนี้ แล้วคนล่ะ... ผอ.สุมาลี บอกว่า ข้าราชการของสำนักฯ มีบ้านพักในกรมฯ ส่วนเฝ้าระวัง จะจัดเจ้าหน้าที่อยู่เวรวันละ 3 ผลัด ผลัดละ 2 คน รวม 4 ชุด และทันทีที่มีเหตุฉุกเฉิน คนที่ไม่ได้อยู่เวรก็จะวิ่งจากบ้านพักมาประจำที่ห้อง ปฏิบัติการทันที ช่วยกันคนละไม้ละมือ โดยเฉพาะรับโทรศัพท์ที่ชาวบ้านจะสอบถามเข้ามานับสิบนับร้อยสาย ซึ่งต้องตอบอย่างสุภาพด้วยข้อมูลทางวิทยาศาสตร์

ช่วงไหนมีการอ้างปรากฏการณ์พิลึกๆ และลงท้ายทำนายว่าจะเกิดแผ่นดินไหวก็รับสายกันมือเป็นระวิง

“ตอนนี้เครื่องมือและคนพร้อม ไม่ต้องถอดรูตกางวงเวียน คำนวณเองแล้ว” บุรินทร์ ผู้เคยทำหน้าที่แปลข้อมูลก่อนออกประกาศบอกกับเรา

บุรินทร์บอกว่า ได้วางแผนป้องกันระบบมีปัญหาไว้หลายประการ เช่น เพิ่มแบนด์วิธ หรือช่องทางสื่อสารข้อมูล มีระบบสำรองของเอกชน โดยใช้ของทีโอทีเป็นระบบหลัก ถ้าไฟดับก็มีทั้งเครื่องสำรองไฟ และระบบปั่นไฟ

ถามว่า ระบบเราพร้อมและตอบได้ขนาดนี้ จะทำอย่างไร ชาวบ้านจึงจะเลิกหวั่นไหว ไม่เผ่นหนีตามกระแสข่าวลือ คำตอบของเจ้าหน้าที่ก็คือ ความเชื่อและการหลบภัยแบบนี้จะมีต่อไป ไม่มีใครห้ามได้ จนกว่าจะถึงวันที่ตระหนักว่า คำทำนาย หรือเสียงลือเล่าอ้างนั้นไม่น่าเชื่อถือ หรือไม่น่าสนใจ

ในขณะที่สำนักฯแผ่นดินไหวเชื่อได้มากกว่า
แต่ต้องเกิดจริงจึงจะบอก

ข่าวสารที่เกี่ยวข้อง

เมนูสำหรับผู้พิการ
restart_alt
close
การปรับแต่งเนื้อหา
format_size
ปรับขนาดตัวอักษร
remove
ปกติ
add
การปรับแต่งสี
เครื่องมือ